วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2560

ตำนานแวมไพร์

 

           ตำนานแวมไพร์ ผีดิดูดเลือดซึ่งได้เล่าต่อกันมาอย่างยาวนาน
    เรื่องราวของแวมไพร์ เป็นเรื่องราวที่มีการบอกเล่าต่อกันมานานหลายร้อยปี และปรากฏอยู่ในตำนานของหลายประเทศทั่วโลก มีลักษณะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น แวมไพร์ตามตำนานเม็กซิโกจะมีกระโหลกมนุษย์วางอยู่บนศีรษะ แวมไพร์แถบเทือกเขาร็อกกี้จะดูดเลือดทางจมูก แวมไพร์ตามตำนานโรมาเนียจะมีร่างกายผอมซีดและไว้เล็บยาว เป็นต้น 
          1. แวมไพร์เป็นผีดิบในร่างของมนุษย์ มีฟันแหลมคม ดื่มเลือดมนุษย์เป็นอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงให้มีชีวิตเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย
          2. แวมไพร์ถูกนำมาเปรียบเทียบเป็นมนุษย์ค้างคาวผีดิบ เนื่องจากแวมไพร์หากินกลางคืนต่างจากสัตว์ชนิดอื่น ดังนั้น เมื่อกล่าวถึงแวมไพร์ ก็มักจะนึกถึงผีดิบผิวซีดในชุดสีดำคล้ายค้างคาว
          3. ในตอนกลางวันแวมไพร์จะนอนนิ่งอยู่ในโลงศพ ในสภาพที่ตาข้างหนึ่งเปิดอยู่ มีเลือดติดอยู่ตามปากหรือจมูก
          4. ในตอนกลางคืนแวมไพร์จะออกหาเหยื่อ เพื่อดูดเลือดบริเวณคอของเหยื่อ โดยเหยื่อมักจะเป็นเพศตรงข้ามเสมอ
          5. แวมไพร์ ถ่ายทอดเชื้อสายด้วยการกัด แต่ผู้ที่ถูกกัดทุกคนอาจเสียชีวิตและไม่ได้ถูกปลุกขึ้นมาเป็นแวมไพร์ตัวใหม่ก็ได้
          6. ศพของแวมไพร์จะไม่เน่าเปื่อย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ใบหน้าจะยังดูมีเลือดไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา เพราะได้เลือดของเหยื่อหล่อเลี้ยงไว้
          7. แวมไพร์ สามารถสยบได้ด้วยกระเทียม ซึ่งเป็นพืชที่มีกลิ่นฉุนมาก หรือไม้กางเขน และน้ำมนต์
       ในแถบประเทศตะวันตก แวมไพร์ เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในประเทศอังกฤษ หลังจากมีการบันทึกในประวัติศาสตร์ว่า อาร์โนลด์ เปาเล ชาวเซอร์เบีย เป็นผู้ที่ได้รับการสืบเชื้อสายจากแวมไพร์ หลังจากที่เขากลับมาจากการปฏิบัติหน้าที่ทางการทหารในกรีซ และเขาก็ได้สารภาพกับภรรยาว่าถูกแวมไพร์ดูดเลือดและได้รับการถ่ายทอดเป็นแวมไพร์ ต่อมาไม่นานเขาได้เสียชีวิตลง แต่คนในหมู่บ้านยังเห็นเขาวนเวียนอยู่ในหมู่บ้านในยามค่ำคืน จึงมีการขุดเอาศพเขาขึ้นมาดูอีกครั้ง และพบว่า เขานอนนิ่งเป็นศพแต่กลับมีรอยเลือดติดอยู่ที่ปากของเขา ชาวบ้านจึงพิสูจน์ด้วยการตอกหมุดลงไปที่หัวใจ ปรากฎว่ามีเลือดไหลทะลักออกมาตามด้วยเสียงกรีดร้อง จากนั้นศพของเขาก็ถูกนำไปเผาและก็ไม่มีใครพบเขาปรากฎตัวในหมู่บ้านอีกเลยหลังจากนั้น แต่ต่อมาไม่นาน ก็พบแวมไพร์อีกหลายตัวอยู่ในหมู่บ้าน จึงเชื่อว่าแวมไพร์เหล่านั้นเป็นเชื้อสายของเปาเล และพวกเขาก็คงถูกเปาเลกัด ซึ่งพ้องกับสิ่งที่เปาเลได้เคยบอกภรรยาไว้ก่อนตาย


    แวมไพร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือของหลักสูตรแดรกคิวลาแม้ว่าผู้ที่มองหาทางประวัติศาสตร์ "ของจริง" แดรกคิวลามักจะอ้างเจ้าชายโรมาเนีย Vlad Tepes (1431-1476) หลังจากที่ช่างไฟบอกว่าจะมีการสร้างแบบจำลองลักษณะบางอย่างของตัวละครของเขาแดรกคิวลา ลักษณะของ Tepes เป็นแวมไพร์ แต่เป็นตะวันตกอย่างเห็นได้ชัดหนึ่ง ในโรมาเนียเขาถูกมองว่าไม่เป็นซาดิสม์เลือดดื่ม แต่เป็นวีรบุรุษของชาติที่ปกป้องอาณาจักรของเขาจากออตโตมันเติร์ก


แวมไพร์คนส่วนใหญ่มีความคุ้นเคยกับ (เช่น Dracula) จะทรงฤทธิ์ - ศพของมนุษย์ที่จะกล่าวว่าจะกลับมาจากหลุมฝังศพจะเป็นอันตรายต่อการดำรงชีวิตแวมไพร์เหล่านี้มีต้นกำเนิดสลาฟเก่าเพียงไม่กี่ร้อยปี แต่อื่น  เก่ารุ่นของแวมไพร์ที่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นมนุษย์ที่ทุกคน แต่เหนือธรรมชาติแทนอาจจะเป็นปีศาจหน่วยงานที่ไม่ได้ใช้รูปแบบของมนุษย์แมทธิว Beresford ผู้เขียน "จากปีศาจที่จะ Dracula: การสร้างโมเดิร์นแวมไพร์ตำนาน" (Reaktion 2008)บันทึก, "มีรากฐานที่ชัดเจนสำหรับแวมไพร์ในโลกโบราณที่มีและมันเป็นไปไม่ได้ที่จะพิสูจน์เมื่อตำนานแรก เกิดขึ้นมีข้อเสนอแนะว่าแวมไพร์เกิดออกมาจากเวทมนตร์ในอียิปต์โบราณเรียกปีศาจในโลกนี้จากบางส่วนอื่น  . " มีหลายรูปแบบของแวมไพร์จากทั่วโลก มีแวมไพร์เอเชียเช่นจีน Jiangshi (ออกเสียงจงชีวิญญาณชั่วร้ายที่โจมตีคนและท่อระบายน้ำพลังงานชีวิตของพวกเขาเลือดดื่มเทพโมโหที่ปรากฏใน "หนังสือทิเบตแห่งความตายและอื่น  อีกมากมาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น