เทพฮีฟีสทัส (Hephaestus) เทพแห่งช่างและโลหะ
แม้ว่าแหล่งกำเนิดของเทพฮีฟีสทัสจะเป็นอย่างไรก็ตาม
ก็ต้องถือเอาว่าฮีฟีสทัสถือเป็นเทพบุตรของซุสด้วยเช่นกัน จะเห็นได้ว่า
ฮีฟีสทัสติดและเข้ากับแม่ได้มากกว่าพ่อ
และทุกครั้งที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันตามประสาที่เทพซูสเจ้าชู้ หรือเจ้าแม่ฮีร่าขี้หึง
ก็จะมีฮีฟีสทัสเข้าข้างฝ่ายแม่อยู่ตลอด
ในครั้งหนึ่งที่ซูสต้องการจะลงโทษเจ้าแม่ฮีราให้เข็ดหลาบโดยการใช้โซ่ทองล่ามแขวนเจ้าแม่เอาไว้กับกิ่งฟ้าและห้อยโตงเตงลงมา
ฮีฟีสทัสก็ทนดูไม่ได้และรีบเข้าช่วยแก้ไขโซ่ให้เจ้าแม่ทันทีเพื่อจะทำให้เจ้าแม่เป็นอิสระ
ทำให้ซูสเกิดโมโหและบันดาลโทสะจับฮีฟีสทัสโยนลงมาจากสวรรค์
ซึ่งทำให้ฮีฟีสทัสต้องตกจากสวรรค์เป็นเวลานานถึง 9 วัน 9 คืน
ฮีฟีสทัสตกลงมาที่มนุษย์โลก ณ บริเวรเกาะเลมนอสในทะเลเอจีน
และเพราะโดนบิดาขว้างลงมาจึงทำให้บาทของเธอแปเป๋ไปข้างหนึ่งและกลายเป็นคนพิการตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
เหตุเพราะเธอต้องการจะช่วยเหลือมารดานั่นเอง
แต่ก็ไช่ว่าเจ้าแม่ฮีราผู้เป็นมารดาจะเหลียวแลเธอไม่
เพราะด้วยความที่ฮีฟีสทัสเป็นเทพบุตรที่กำเนิดขึ้นมาจากความโทมนัสอย่างแสนสาหัส
ทำให้เจ้าแม่แสดงความเฉยเมยต่อฮีฟีสทัส
ทำให้ฮีฟีสทัสตั้งปณิธานในจิตว่าจะไม่กลับขึ้นไปเหยียบบนเขาโอลิมปัสอีก
และได้สร้างวังเพื่อเป็นที่ประทับอยู่ ณ เกาะเลมนอสแห่งนั้น
พร้อมกัมได้ตั้งโรงหล่อเพื่อให้กำเนิดช่างฝีมือประกอบโลหะนานาชนิด
โดยฮีฟีสทัสมีลูกมือเป็นพวกยักษ์ไซคลอปส์
อีกทั้งยังสร้างบัลลังก์ทองคำที่เปล่งปลั่งไปด้วยลวดลายที่สลักเสลาอย่างสวยงามหาที่เปรียบมิได้ขึ้นมาตัวหนึ่ง
ซึ่งบัลลังก์แห่งนี้เป็นบัลลังก์กลที่ประกอบไปด้วยลานกลไกซ่อนอยู่ภายใน
จากนั้นจึงได้ส่งบัลลังก์อันนี้ขึ้นไปถวายต่อเจ้าแม่ฮีรา
เมื่อเจ้าแม่ได้เห็นก็รู้สึกยินดีในรูปลักษณ์อันแสนงดงามของบัลลังก์กลเป็นอย่างมาก
และตระหนักได้ว่าเป็นบัลลังก์ที่บุตรของตนทำขึ้นถวาย
เมื่อเจ้าแม่ฮีร่าขึ้นประทับบนบังลังก์
เครื่องกลไกที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้บัลลังก์ก็ดีดกระหวัดรัดองค์เจ้าแม่จนแน่นตรึงติดกับบัลลังก์อย่างมั่นคง
และทำให้เจ้าแม่ไม่สามารถขยับเขยื้อนองค์ได้เลยแม้แต่น้อย
และแม้ว่าเทพทั้งปวงจะมาช่วยกันแก้ไขปัญหา ต่างก็พากันจนปัญญาเพราะยังไม่เห็นหนทางที่จะปลดเปลื้องพันธนาการครั้งนี้ให้หลุดออกได้เลย
ทำให้เฮอร์มีส เทพผู้มีลิ้นทูต
ต้องเป็นเทพผู้อาสามาไกล่เกลี้ยความ
เฮอร์มีสอ้อนวอนขอให้ฮีฟีสทัสช่วยขึ้นไปแก้ไขกลไกที่ฮีฟีสทัสทำไว้ แต่ “ลิ้นทูต”
ของเฮอร์มีสครั้งนี้ไม่สามารถใช้กับฮีฟีสทัสได้
เพราะไม่ว่าเธอจะหว่านล้อมฮีฟีสทัสด้วยคำไพเราะสักเพียงใด
ก็ไม่อาจเปลี่ยนใจฮีฟีสทัสให้กลับขึ้นไปบนเขาโอลิมปัสได้เลย
ทำให้ทวยเทพต้องร่วมประชุมปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง
และเล็งเห็นตรงกันว่าคงจะมีเพียงเทพไดโอนิซัสท่านั้นที่น่าจะพอช่วยได้ เทพทั้งหลายจึงพร้อมใจกันส่งไดโอนิซัสลงมาเกลี้ยกล่อมเทพฮีฟีสทัสหลงกลด้วยอุบาย
วิธีการที่ไดโอนิศัสใช้ก็คือ การมอมฮีฟีสทัสด้วยน้ำองุ่นจนทำให้ฮีฟีสทัสมึนเมา
จากนั้นไดโอนิซัสก็ลอบพาฮีฟีสศัสขึ้นไปที่สวรรค์เพื่อกลับไปแก้เครื่องกลพันธนาการที่ทำไว้กับเจ้าแม่ฮีราได้จนสำเร็จ
นอกจากนี้
เทพไดโอนิศัสยังช่วยไกล่เกลี่ยให้เทพีฮีร่าและเทพฮีฟีสทัสเข้าอกเข้าใจกันอีกครั้งด้วย
แม้ว่าฮีฟีสทัสจะได้รับการยกย่องเทียมเท่าเทพองค์อื่น ๆ
ในคณะเทพโอลิมเปียน
แต่ฮีฟีสทัสก็ยังไม่ยินยอมที่จะกลับขึ้นไปอยู่บนเขาโอลิมปัสอีกครั้ง
แต่ฮีฟีสทัสจะขึ้นไปก็ต่อเมื่อมีการนัดประชุมเทพสภาเฉพาะกิจและในวาระอื่น
ๆที่สำคัญเท่านั้น ส่วนในเวลาปกติ ฮีฟีสทัสจะเก็บตัวเองอยู่ในโรงหล่อ
และหมกมุ่นกับงานช่างฝีมือของเธอตลอดเวลา
ทำให้เทพฮีฟีสทัสเปรียบเป็นพระเวสสุกรรมของกรีกที่สำคัญองค์หนึ่ง
เห็นได้จากการสร้างวังที่ประทับของเทพแต่ละองค์บนเขาโอลิมปัสนั้น
ก็เป็นงานฝีมือของพนักงานของเทพฮีฟีสทัสแทบทั้งสิ้น อีกทั้ง
เทพฮีฟีสทัสยังเป็นผู้ออกแบบตกแต่งตำหนักต่าง ๆภายในที่ประทับ
โดยการใช้โลหะประดับมณีที่ดูแวววาวจับตาสวยงามเป็นที่สุด
และเขาก็ได้ประกอบอสนีบาตเพื่อเป็นอาวุธถวายแก่ซูส รวมถึงเป็นผู้สร้างศรรักให้แก่อิรอสด้วย